Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

อันตรายจากยา

Posted By Plookpedia | 20 เม.ย. 60
267 Views

  Favorite

อันตรายจากยา

ยาเป็นเสมือนดาบสองคม คือ ให้คุณเมื่อใช้ถูกและให้โทษเมื่อใช้ผิดผู้ใช้ยาพึงระลึกถึงอันตรายที่อาจเกิดจากยาไว้บ้างโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ใช้ยารักษาตนเองแต่ถ้าเป็นการใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์แล้วโอกาสที่จะเกิดผลเสียนับว่ามีน้อยมาก

อันตรายจากยาอาจเกิดจากสาเหตุหลายประการ เช่น เกิดจากตัวยาเองเกิดจากความแตกต่างในตัวผู้ใช้ยาซึ่งมีปฏิกิริยาต่อยาผิดปกติและเกิดจากการใช้ยาไม่ถูกต้อง

 

ผลเสียเนื่องจากยา 

ยาแต่ละขนานมักมีผลเสียอยู่ในตนเองไม่มากก็น้อยแม้จะใช้ในขนาดธรรมดา (ขนาดรักษา) เช่น ยาแก้อาการแพ้ทำให้ง่วงนอนยาแก้ปวดลดไข้ระคายกระเพาะอาหารและลำไส้ เป็นต้น 
การใช้หลายขนานร่วมกันอาจเป็นยาเม็ดหนึ่งที่มีตัวยาหลายขนานหรือให้ยาหลายขนานแยกเม็ดกันในเวลาเดียวกันหรือในเวลาใกล้เคียงกันบางคราวแทนที่จะให้ผลดีกลับทำให้เกิดผลเสียในการรักษาและเกิดอาการพิษมากขึ้นได้ เช่น การใช้ยาระงับประสาทร่วมกับยาแก้อาการแพ้จะทำให้สมองถูกกดมากเกินต้องการ เป็นต้น 

ยาบางอย่างทำให้เกิดผลเสียได้เมื่อผู้ใช้ยานั้นได้รับของแสลงซึ่งอาจได้แก่ อาหารบางชนิด เครื่องดื่มบางอย่าง บุหรี่ หรือการปฏิบัติตัวที่ไม่ถูกต้อง เช่น การใช้ยาลดความดันโลหิตสูงบางขนานร่วมกับการบริโภคเนยแข็งหรือกล้วยหอมทำให้เกิดความดันโลหิตสูงขึ้นจนถึงขั้นอันตรายได้ เป็นต้น

ยาบางชนิดสะสมในร่างกายได้เมื่อใช้ในขนาดมากหรือใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ เช่น ยานอนหลับ ยาลดความดันโลหิตสูง บางขนาน เป็นต้น

ยาไม่ได้มาตรฐานทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ได้ เช่น มีอันตรายจากสารปนเปื้อนที่บังเอิญหลงเหลือออยู่ในยาที่ใช้ (ยาไม่บริสุทธิ์พอ) ยาปลอมยาที่มีตัวยาไม่ครบขนานตามที่ระบุไว้ในฉลากยาที่มีปริมาณมากหรือน้อยกว่าที่กำหนดไว้ ยาเสื่อมคุณภาพ ยาเสื่อมสภาพ หรือยาที่หมดอายุทำให้โรคเดิมไม่หายโรคกำเริบมากขึ้นมีโรคแทรกซ้อนหรือถูกพิษจากสารปนเปื้อนหรือยาเสื่อมสภาพอาจถึงตายได้ 

 

ผลเสียเนื่องจากความแตกต่างในตัวผู้ใช้ยา ซึ่งมีปฏิกิริยาต่อยาผิดปกติ 
บางคนมีความไวต่อยาบางชนิดผิดไปจากคนอื่น ๆ แม้จะใช้ยาในขนาดรักษาทำให้เกิดผลเสียต่อโรคเดิม คือ เกิดภาวะอื่นแทรกซ้อนทำให้ร่างกายของผู้นั้นอ่อนแอมากขึ้น 
บางคนเกิดอาการแพ้ยาบางชนิดแม้ในขนาดน้อย ๆ ซึ่งคนธรรมดาไม่แพ้อาจเกิดอาการรุนแรงถึงแก่ชีวิต 
บางคนมีโรคประจำตัวอยู่ เช่น โรคปอด โรคตับ โรคไต โรคหัวใจ เป็นต้น ซึ่งเป็นเหตุให้ยาสะสมในร่างกายหรือร่างกายมีความไวต่อยาเป็นพิเศษส่งเสริมให้เกิดพิษของยาได้ง่ายเข้าและมีอาการรุนแรงมากขึ้น
 

ผลเสียเนื่องจากการใช้ยาไม่ถูกต้อง 

การใช้ยาไม่ถูกต้องอาจมีผลเสียต่อร่างกายทั้งนี้เพราะได้รับยาไม่ถูกกับโรคหรือได้รับยาเพียงช่วยบรรเทาอาการแต่ไม่ได้รักษาสาเหตุของโรคนั้น ๆ หรือใช้ยาแต่ละครั้ง (ขนาด) มากหรือน้อยเกินควรหรือใช้ยามากครั้งหรือน้อยครั้งเกินไปในวันหนึ่ง ๆ หรือใช้ยานานวันหรือน้อยวันกว่าที่ควรจะเป็นหรือใช้ยาไม่ถูกทาง เช่น เอายาเหน็บไปกินหรือเอายากินไปเหน็บ เป็นต้น หรืออาจใช้ยาไม่ถูกวิธี เช่น ยาบางชนิดต้องเพิ่มหรือลดขนาดเมื่อใช้ติดต่อกันหลายวันยาบางขนานต้องค่อย ๆ ถอนออกไม่หยุดใช้ยาโดยทันที

นอกจากนี้อาจมีสาเหตุจากการเปลี่ยนยาบ่อย ๆ หรือการใช้ยาหลายขนานด้วยตนเองซึ่งก่อให้เกิดโทษ มากกว่าคุณ 

ขนาดยาบางชนิดสำหรับแต่ละคนแต่ละเพศและแต่ละวัยไม่เหมือนกันทีเดียวการใช้ยาจึงต้องคำนึงถึงอายุภาวะของร่างกาย (ระหว่างการตั้งครรภ์ ระยะให้นมบุตร ขณะมีประจำเดือน ตอนฟื้นไข้) รวมทั้งโรคอื่นที่เป็นร่วมด้วย

อาชีพของผู้ใช้ยาก็มีความสำคัญในการใช้ยาด้วย เช่น ไม่ควรใช้ยาที่ทำให้เกิดอาการง่วงซึมถ้าผู้นั้นต้องทำงานในที่สูงต้องขับรถ หรือต้องทำงานใกล้เครื่องจักรใกล้ไฟ เป็นต้น

ผลเสีย ๓ ประการดังกล่าวมาแล้วมีผลต่อผู้ใช้มากมายอาจกล่าวโดยสังเขป คือ เสียทั้งเวลาและเงินทองในการรักษาเพราะโรคเดิมไม่หายขาดอาจมีอาการทรงกับทรุดบางคราวอาการทุเลาขึ้นชั่วคราวแล้วกลับเป็นซ้ำอีก ทำให้โรคเป็นมากขึ้นและอาจติดต่อไปยังผู้อื่นได้ด้วยนอกจากนี้อาจทำให้โรคดื้อยาซึ่งต้องการการรักษาที่ยุ่งยากและซับซ้อนมากขึ้นหรืออาจมีโรคอื่นแทรกซ้อนและเกิดอันตรายจากยา เช่น เกิดอาการไข้เนื่องจากยาเมื่อหยุดยาไข้จะหาย ไปเอง 
เกิดอาการกับระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องเดินหรือท้องผูกเบื่ออาหารหรืออยากอาหารมากเกินควรคลื่นไส้ อาเจียน อาเจียนเป็นเลือด แผลใน กระเพาะอาหารและลำไส้ทะลุเกิดตกเลือดภายในดีซ่าน ฯลฯ 
เกิดอาการกับระบบหัวใจและเลือดไหลเวียน เช่น หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบความดันโลหิตอาจสูงหรือต่ำกว่าธรรมดาหลอดเลือดอักเสบ ฯลฯ 
เกิดอาการกับระบบประสาทกลาง เช่น ยากระตุ้นประสาทกลางทำให้ปวดศีรษะมาก สมองถูกกระตุ้นจนนอนไม่หลับ ความคิดสับสน ประสาทหลอน อาจมีอาการชักได้ ฯลฯ ส่วนยากดประสาทกลางทำให้ เกิดการง่วงซึม       มีอาการซึมเศร้าอาการทางโรคจิตการติดยาหรือหมดสติได้ ฯลฯ 
เกิดอาการกับระบบทางเดินหายใจ เช่น หอบ หืด ปอดอักเสบ หายใจช้า อาจตายได้ ฯลฯ 
เกิดอาการกับอวัยวะรับสัมผัส เช่น ตา (ดูภาพ ไม่ชัด เกิดต้อกระจก ต้อหิน อาจตาบอดได้ ฯลฯ) หู (เสียการทรงตัว เกิดอาการวิงเวียน ได้ยินเสียงแปลกๆ หูอื้อ หูตึง หูอาจหนวกได้ ฯลฯ) จมูก (มีอาการคล้าย เป็นหวัด จมูกอักเสบ ฯลฯ) ลิ้น (ลิ้นเป็นฝ้า ลิ้นอักเสบ ฯลฯ) ผิวหนัง (ผิวหนังแห้ง แดง ร้อน เกิดตุ่ม เกิดการอักเสบ มีลมพิษ ทนแสงแดดไม่ได้ ฯลฯ) 
เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนกำลัง กล้ามเนื้อกระตุก เดินเปะปะ กล้ามเนื้อและข้ออักเสบ กระดูกและฟันผุ ฯลฯ 
เกิดอาการกับระบบทางเดินปัสสาวะ และอวัยวะสืบพันธุ์ เกิดอันตรายต่อไต ทำให้ไตเสียหน้าที่ เกิดนิ่ว ปัสสาวะเป็นเลือด มีไข่ขาวในปัสสาวะ ความรู้สึกและสมรรถภาพทางเพศมากขึ้น ลดลงหรือไม่มีเลยอาจเป็นหมันได้ ฯลฯ 
เกิดอาการจากการมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง หรือต่ำกว่าปกติ เกิดโรคเกาต์ (มีกรดยูริกในเลือดสูงกว่าปกติ) มีโพแทสเซียมในเลือดน้อยกว่าปกติ หรือมีการคั่งของโซเดียม ประจำเดือนมาไม่ปกติ (มีมาก น้อย มาไม่ตรงเวลา หรือหยุดไปเลย) ฯลฯ
เกิดโรคโลหิตจาง จำนวนเกล็ดเลือดลดต่ำลงเลือดจึงออกง่ายแต่หยุดยากเวลาเกิดมีบาดแผลหรือมีประจำเดือนเม็ดเลือดขาวอาจมีน้อยหรือมากกว่าปกติความต้านทานของร่างกายต่อโรคอาจลดลงเป็นเหตุให้เกิดโรคติดเชื้อได้ง่ายและเป็นรุนแรง ฯลฯ 

ยาบางอย่างสามารถผ่านจากแม่ทางรกเข้าสู่ทารกในครรภ์ได้ เช่น อะมินอพเตอริน และ เมโธเทรกเสต (ยาทั้งสองเป็นยาต้านกรดโฟลิค) คลอโรควิน (ยารักษา มาเลเรีย) ฯลฯ เป็นเหตุให้เกิดการแท้ง การคลอด ก่อนกำหนด เด็กเจริญเติบโตไม่ได้ดีเท่าที่ควรเด็กตายขณะคลอดหรือตายหลังคลอดเมื่อคลอดออกมาแล้วเด็กจะมีร่างกายและจิตใจไม่สมประกอบ ฯลฯ 
ยาบางอย่างถูกขับทางน้ำนม เช่น ยาถ่าย อะโทรปีน (ยาลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อเรียบ) โบรไมด์ (ยานอนหลับ) ฯลฯ หญิงที่ให้นมบุตรจึงควรระวังผลเสียของยาที่อาจเกิดแก่ทารกได้ 
ยาบางอย่างเป็นสาเหตุของมะเร็ง เช่น มะเร็ง ที่อวัยวะต่างๆ หรือ มะเร็งเม็ดเลือด ฯลฯ ตัวอย่างยา ได้แก่ คลอแรมเฟนิคอล (ยาปฏิชีวนะ) เป็นต้น 
ยาบางอย่าง (ยากระตุ้นหรือยากดระบบประสาทกลางบางขนาน) ทำให้เกิดการเสพติดโดยไม่รู้ตัวทำให้ร่างกายและจิตใจอ่อนแอไม่อาจประกอบอาชีพได้ตามปกติและเป็นช่องทางให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ง่าย 
ยาบางขนาน (เพรดนิโซโลน-ฮอร์โมนจากเปลือกต่อมหมวกไต) อาจทำให้โรคที่แอบแฝงอยู่ปรากฏขึ้น หรือที่เป็นอยู่แล้ว กลับเป็นมากขึ้นถึงขีดอันตรายได้ เช่น วัณโรค โรคเบาหวาน โรคความดัน โลหิตสูง โรคหัวใจ โรคไต อาการทางจิต โรคติดเชื้อ ทำให้แผลหายช้า เชื้อโรคดื้อยา มีอันตรายมากขึ้น เวลาได้รับยาสลบ ฯลฯ 
ยาบางชนิดถูกขับทางน้ำตา (คลอโรควิน-ยารักษามาลาเรีย) น้ำลาย (ไอโอไดด์-ยารักษาโรคคอพอกเป็นพิษ) ทางลมหายใจ (คลอรัลไฮเดรต-ยานอนหลับ) ฯลฯ จึงอาจไปมีผลเสียต่ออวัยวะที่เกี่ยวข้องได้ 
การแพ้ยาบางอย่าง (เพนิซิลลิน-ยาปฏิชีวนะ) อาจเป็นรุนแรงและรวดเร็วมากจนถึงแก่ชีวิต

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plookpedia
  • 15 Followers
  • Follow